เคยเจอเหมือนกับผมมัยครับ?
เวลาเราอยากจะ “เล่าเรื่อง” ให้ปัง เราจะทำอย่างไร
ลองใช้ หลักการ “5P เล่าเรื่องให้ปัง” ดูครับ
1. Person คือ เล่าด้วยตัวบุคคล
2. Piece คือ เล่าด้วยส่วนผสมผลิตภัณฑ์(ingredient)
3. Process คือ เล่าด้วยขั้นตอนการผลิต
4. Past คือ เล่าด้วยการนำอดีตมาทำให้น่าสนใจ
5. Passion คือ เล่าด้วยแรงบันดาลใจต่างๆ ที่มี
พอเราได้หลัก 5P ทำให้เรามีวิธีคิดการเล่าเรื่องได้ง่ายขึ้น
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ
ขอบคุณ. ครูชัย ที่แบ่งปันความรู้ “5P เล่าเรื่องให้ปัง”
การเล่าเรื่อง ด้วยตัวบุคคล
ง่ายๆ เราสามารถใช้เจ้าของบริษัท(CEO)เป็นผู้เล่าเรื่องได้
เดี่ยวเรามาดูตัวอย่าง ที่เล่าเรื่อง ด้วยตัวบุคคลครับ
กรณีถ้าสินค้าของเรา เป็นประเภทอาหารเสริม
หรือเป็นประเภทเครื่องสำอาง เราสามารถนำเอา
ส่วนผสม(ingredient)เด่นๆ และสำคัญของสินค้า
ออกมาเล่าเรื่อง เพื่อให้สินค้าน่าสนใจมากขึ้น
เดี่ยวเรามาดูตัวอย่าง ที่เล่าเรื่อง
เล่าด้วยส่วนผสมผลิตภัณฑ์(ingredient)
กรณีถ้าสินค้าของเรา มีขั้นตอนการผลิตมีความน่าสนใจ
มีนวัตกรรมใหม่ๆ หรือ มีอะไรก็ได้ที่เจ๋งๆ กว่าคนอื่น
เราสามารถนำเอา “ขั้นตอนการผลิต” มาเล่าเรื่องก็ได้
เพื่อจะได้ช่วยให้สินค้าของเรา น่าสนใจมากขึ้น
เดี่ยวเรามาดูตัวอย่าง ที่เล่าเรื่อง
เล่าด้วยขั้นตอนการผลิต
กรณีถ้าบริษัทของเรา
มีตำนานหรือเรื่องเล่าต่างๆ อย่างมากมาย
กว่าจะผ่านอุปสรรคต่างๆ จนมาถึงทุกวันนี้ได้
โดยที่เราสามารถหยิบยก เรื่องราวต่างๆ นั้น แล้วนำมาเล่า
เพื่อจะได้ช่วยให้บริษัทและสินค้าน่าสนใจมากขึ้น
เดี่ยวเรามาดูตัวอย่าง ที่เล่าเรื่อง ด้วยการนำอดีตมาทำให้น่าสนใจ
บางครั้ง ถ้าบริษัทหรือสินค้าของเรา ยังใหม่
เราอาจจะใช้ แรงบันดาลใจสักเรื่อง มานำเสนอการเล่าก็ได้นะครับ
ยกตัวอย่างเช่น True Move ช่วงแรกๆ ได้สร้างตรีมขึ้นมา
ใช้ชื่อว่า “การให้ คือ การสื่อสารที่ดีที่สุด”
เดี่ยวเรามาดูตัวอย่าง ที่เล่าเรื่อง ด้วยแรงบันดาลใจต่างๆ ที่มี
เราได้เรียนรู้หลักการ “5P เล่าเรื่องให้ปัง” แล้วนะครับ
มีคำถาม? ถ้าจะเอามารวมมากกว่า 1 P ได้มัยครับ
คำตอบ ก็คือ ได้ครับ มันขึ้นอยู่ที่เราจะนำมาใช้
และประยุกต์ให้เหมาะกับบริษัทหรือสินค้าของได้เลย
เดี่ยวเรามาดูตัวอย่าง ในแนวเรียกว่า “Mix P”